Last updated: 11 ก.ย. 2561 | 4492 จำนวนผู้เข้าชม |
ในการฉีดสิวนั้นแพทย์จะฉีดให้เฉพาะบริเวณที่เป็น สิวอักเสบ ก็คือสิวที่เกิดการติดเชื้อ P.Acnes มีอาการเจ็บ บวมแดง หรือในบางรายอาจจะมีหนองขึ้นตรงบริเวณตุ่มสิว ซึ่งแพทย์จะทำการฉีดสิวให้ โดยที่ยาที่ใช้ฉีดก็คือ สเตียรอยด์ ที่มีคุณสมบัติในการลดการปวดและการอักเสบ ซึ่งสเตียรอยด์นี้ไม่ได้มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อสิวแต่อย่างใด
หลังจากฉีดสิวแล้ว สิวจะเป็นอย่างไร?
ผลที่ได้หลังจากการฉีดสิวคือ สิวยุบเร็วขึ้น เจ็บน้อยลง ซึ่งเมื่อคนไข้เห็นว่าสิวยุบลงแล้วก็จะนึกว่าหายแล้ว (จริงๆแล้วเป็นความเข้าใจผิดอย่างแรง) จึงไม่ได้ทำการรักษาสิวอย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลให้กลับมาเกิดสิวอีกในบริเวณเดิม
สิวยุบแล้ว หายเลยใช่ไหม?
อย่างที่บอกไปแล้วว่าเมื่อคนไข้เห็นว่าสิวยุบลงแล้วก็ไม่ได้ทำการรักษาสิวอย่างต่อเนื่องเพราะคิดว่าสิวหายแล้ว จึงส่งผลให้กลับมาเกิดสิวอีกในบริเวณเดิมเมื่อกลับมาเป็นสิวในบริเวณเดิมซ้ำๆ ก็จะเกิดเป็นใตแข็งๆบริเวณใต้ผิวหนัง หรือในคนไข้บางราย เมื่อเกิดสิวอักเสบขึ้นอีกก็กลับไปพบแพทย์เพื่อที่จะฉีดซ้ำอีกก็จะทำให้เชื้อโรคเกิดการดื้อยา ก็จะทำให้เป็นสิวง่ายขึ้นกว่าเดิม แล้วแบบนี้ ต้องทำยังไงสิวถึงจะหายขาดกันล่ะ??
อยากสิวหายต้องทำอย่างไร?
ปัจจุบันมีนวัตกรรมใหม่ คือการใช้ “แสง” ในการรักษาสิว (Light Therapy) โดยแสงที่นำมาใช้ในการรักษาสิว ก็คือ “แสงสีน้ำเงิน” ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบของสิวและฆ่าเชื้อ P.acnes ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวอักเสบ การใช้แสงสีน้ำเงินในการรักษาสิวนั้น จำเป็นต้องใช้แสงสีน้ำเงินที่มีช่วงความยาวคลื่นโดยเฉพาะที่ 425 นาโนเมตร ในการฆ่าเชื้อสิว
การใช้แสงรักษาสิวนั้นเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสิวอักเสบเรื้อรัง ดื้อยา ติดสเตียรอยด์ โดยการรักษาจะไม่มีอาการแสบร้อนและไม่มีการเจ็บปวดหรือแสบร้อนใดๆดังนั้นไม่ต้องกังวลนะคะ การรักษาแต่ละครั้งจะใช้เวลาฉายแสงประมาณ 30 นาที และควรเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องเพื่อผลการรักษาที่ดีที่สุด 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์หรือตามคำแนะนำของแพทย์ค่ะ
The Icon Clinic "ที่เดียวจบ ครบทุกความสวย"
สาขาเซ็นทรัลพลาซา อุดรธานี
042-223-703
สาขาศูนย์การค้าซีคอน บางแค
02-059-0495
Call Center
0-624-624-944
Inbox : http://m.me/theiconskin
Line : http://goo.gl/C4ktgE
IG : https://goo.gl/d5MjBo
1 ต.ค. 2561
1 ต.ค. 2561
1 ต.ค. 2561
24 ต.ค. 2561